google.com, pub-8763358055991640, DIRECT, f08c47fec0942fa0

23 พฤศจิกายน 2556

การดื่มน้ำหมักเอนไซม์จากผลไม้ปลอดภัยจริงหรือ???????

การดื่มน้ำหมักเอนไซม์จากผลไม้ปลอดภัยจริงหรือ???????

น้ำหมักเอนไซม์จากผลไม้ ของบ้านรักษ์สุขภาพ หรือ น้ำพลังเอนไซม์บำบัดสูตร Multi Fruit Enzyme สูตร N2000 และสูตร Premier Fruit Enzyme ทั้งสามสูตร หมักตามกรรมวิธีของ ดร.รสสุคนธ์ พุ่มพันธุ์วงศ์แห่ง บ้านสุขภาพ ซึ่งปลอดภัยตาม มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน หรือ มผช....(มผช.๔๘๑/๒๕๔๗) ที่ว่าด้วยมาตรฐานของ น้ำหมักจากพืชเพื่อการบริโภคค่ะ อ่านเพิ่มเติมได้ที่ มาตรฐานน้ำหมักพืช

น้ำหมักพืชสำหรับบริโภคใน มผช หมายถึง เครื่องดื่มที่ได้จากการนำส่วนใสส่วนหนึ่งของพืช หรือหลาย ๆ ส่วน เช่น ลูกยอ มะขามป้อม มาผ่านกระบวนการหมักตามหลักชีวภาพในภาชนะที่ไม่ก่อให้เกิดปฎิกิริยากับการหมักแล้วบรรจุในภาชนะที่ปลอดภัยใช้ในการบริโภค

ส่วนน้ำหมักเอนไซม์จากพืช ตามหลักการของ สวทช (สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ) คือ น้ำหมักชีวภาพ เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะเป็นของเหลวสีน้ำตาลโดยการสกัดอินทรีย์วัตถุจากพืช ผักและผลไม้โดยวิธีธรรมชาติ มีการใช้ประโยชน์ในหลายด้าน ทั้งด้านสุขภาพ การเกษตรและสิ่งแวดล้อม

ในการบริโภค น้ำหมักเอนไซม์จากผลไม้ หรือน้ำพลังเอนไซม์บำบัด ของบ้านรักษ์สุขภาพ มีประโยชน์ช่วยในการย่อยและปรับสมดุลของร่างกาย ทำให้ร่างกายสดชื่น แข็งแรง ฟื้นฟูสุขภาพ ป้องกันและฟื้นฟูปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ได้ในระดับหนึ่ง และพบว่าเป็นที่นิยมรับประทานกันมากมายในหลายปีที่ผ่านมา ถึงแม้จะไม่มีผลงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุน แต่เราสามารถมั่นใจได้ว่าการรับประทาน น้ำพลังเอนไซม์บำบัด ของบ้านรักษ์สุขภพ ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพคุณ

ดังนั้น การดื่มน้ำหมักเอนไซม์จากผลไม้ให้ปลอดภัย ควรเลือก น้ำหมักจากผลไม้ที่มีอายุการหมักนานกว่า 6 ปี หรือมีการตรวจสอบคุณภาพของน้ำหมักตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน เช่น ตรวจลักษณะปรากฏ ตรวจวัดค่าความเป็นกรดด่าง ตรวจหาเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรค และอื่น ๆ ซึ่งเป็นการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ แต่หากพูดกันในหลักของธรรมชาติบำบัดแล้ว น้ำพลังเอนไซม์บำบัด ที่ผลิตจากการหมักผลไม้ กับน้ำผึ้ง และน้ำ นาน กว่า 6 ปี ซึ่งจะได้ เอนไซม์ ที่เป็นเพียงกลุ่มโปรตีน ที่ช่วยในการย่อย และสารอาหารพวกกรดอะมิโน เกลือแร่ วิตามิน ซึ่งก็เหมือนกับอาหารที่ผ่านการย่อยสลายแล้วเมื่อเรารับประทานเข้าไป ซึ่งไม่มีอันตรายต่อร่างกาย หากรับประทานมากเกินไปร่างกายก็สามารถขับออกได้ และเอนไซม์ดังกล่าวก็ไม่มีอันตรายหรือก่อให้เกิดโทษต่อร่างกายคุณอย่างแน่นอน

ยกเว้น ยกเว้น น้ำหมักชีวภาพที่มีอายุน้อย มีการปนเปื้อนของเชื้อโรค และเมทิลแอลกอฮอล์ ซึ่งมักเกิดเมื่อหมักผลไม้กับน้ำตาล ดังนั้น 
ควรพึงคิดเลือกสรรผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐานด้วยนะค่ะ

การเลือกดู น้ำหมักเอนไซม์จากผลไม้ ที่ดี ควรดู  ลักษณะปรากฏ ดังนี้
1. ภาชนะควรเป็นขวดแก้ว เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของสารเคมีจากภาชนะลงไปในน้ำหมักเอนไซม์ หรือถ้าเป็นขวดพลาสติกต้องเป็นขวดพลาสติกที่ทนกรด
2. สี ของน้ำหมัก ควรเป็นสีน้ำตาลใส จะเข้มมาก หรือเข้มน้อยขึ้นกับระยะเวลาการหมัก และชนิดของผลไม้นั้น ๆ
3. ความขุ่น เมื่อบรรจุขวดแล้ว อาจมีตะกอนเล็กน้อย และอาจมีฟองแก๊สเหลืออยู่ หรือไม่มีก็ได้
4. กลิ่นและรส ต้องมีกลิ่นหอมของผลไม้และน้ำผึ้ง รสเปรี้ยว อาจมีรสขม ฝาด หรือหวาน ของผลไม้ สมุนไพร และน้ำผึ้ง  ถ้าทิ้งไว้นาน รสเปรี้ยวจะเพิ่มมากขึ้น ลดหวานลดลง ได้

และสิ่งที่ต้องคำนึงในการควบคุมคุณภาพ ของน้ำหมักเอนไซม์เพื่อการบริโภค คือ ปริมาณแอลกอฮอล์ ต้องมีมาตรฐาน ดังนี้
1. เอทานอลต้องไม่เกินร้อยละ 3 มิลลิกรัมต่อลิตร และ
2. เมทานอลต้องไม่เกิน 240 มิลลิกรัมต่อลิตร

อีกทั้ง ไม่พบ จุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรคที่ต้องควบคุมคือ
1. ซาลโมเนลลา ต้องไม่พบในตัวอย่าง 50 กรัม
2. สตาฟิโลค็อกคัส ออเรียส ต้องไม่พบในตัวอย่าง 1 มิลลิกรัม
3. คลอสตริเดียม เพอร์ฟริงเจนส์  ต้องไม่พบในตัวอย่าง 0.1 กรัม
4. เอสเชอริเชีย โคไลต้องน้อยกว่า 2.2 ต่อตัวอย่าง 100 มิลลิลิตร
5. ยีสต์และราต้องไม่เกิน 100 โคโลนีต่อตัวอย่าง 1 มิลลิลิตร

และค่าพีเอช (pH) หรือ ค่าความเป็นกรดด่างของ น้ำหมักเอนไซม์เพื่อการบริโภค ควร ต่ำกว่า 4.3 จึงจะควบคุมการเจริญของเชื้อก่อโรคได้

ซึ่ง น้ำหมักเอนไซม์จากผลไม้ หรือน้ำพลังเอนไซม์บำบัด ของบ้านรักษ์สุขภาพ ทางผู้ผลิต ได้มีการตรวจสอบมาตราฐานเหล่านี้ เรียบร้อยแล้ว ดังนั้น จึงทำให้ท่านผู้บริโภค มั่นใจได้ในการบริโภค น้ำพลังเอนไซม์บำบัด ของ ดร.รสสุคนธ์ พุ่มพันธู์วงศ์ ค่ะ



สำหรับการรับประทาน น้ำหมักเอนไซม์จากผลไม้เป็นอาหารเสริม สำหรับสหรัฐอเมริการอาหารและยาได้รับการยอมรับและการควบคุมแล้ว แต่สำหรับ อาหารและยา (อย.) ของเมืองไทย ยังไม่ยอมรับว่า น้ำหมักชีวภาพจากผลไม้ เป็นอาหารเสริม แต่บางองค์กร เช่น สสวท ก็ได้มีการทำวิจัยเรื่อง น้ำหมักชีวภาพจากผลไม้เพื่อการบริโภค ร่วมกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานกว่า 10 ปี และมีการจัดประชุมเพื่อนำเสนอให้ อย. อนุมัติ แต่ในปีปัจจุบัน 2557 ก็ยังไม่ได้รับการอนุมัติอีกเช่นเคย.......(รอต่อไปค่ะ)

สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ tusora@gmail.com หรือ www.facebook.com/friutenzyme

18 พฤศจิกายน 2556

การทำน้ำหมักเอนไซม์เพื่อการบริโภค เพื่อสุขภาพ

สำหรับปรับสมดุลสุขภาพ และเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง สูตรของ ดร.รสสุคนธ์ พุ่มพันธุ์วงศ์ ผู้ศึกษาด้านแพทย์ทางเลือกจากศรีลังกา และมีประสบการณ์ในการทำน้ำหมักเพื่อการบริโภค และเพื่อสิ่งแวดล้อมนานนับกว่า 40 ปี

ด้วยความมุ่งหวังในการถ่ายทอด การทำน้ำหมักเอนไซม์ เพื่อชีวิตที่ดีของคนไทย จึงมีการถ่ายทอด การทำน้ำหมักเอนไซม์ เพื่อบริโภคให้กับผู้สนใจอย่างแพร่หลาย ด้วยสูตรง่าย ๆ ทำเองได้ที่บ้าน เพียงเน้นความสะอาด และความเข้าใจขั้นพื้นฐานเพียงเล็กน้อย...

เริ่มต้นด้วยอุปกรณ์ง่าย ๆ ดังนี้
1. ถังหมัก ที่ล้างทำความสะอาดแล้ว จะเป็นแก้ว หรือพลาสติก ที่ทนกรดได้ (ใต้ขวดหรือถังพลาสติกต้องมีคำว่า PET แสดงว่าทนกรด หรือเป็นเนื้อ พอลิสไตรีน Polystyrene)  และต้องมีฝาปิดสนิท
2. ตาชั่ง หรือ ถ้วยตวง เพื่อให้ได้สัดส่วนของส่วนผสมที่ได้มาตรฐานที่ถูกต้อง หากไม่มีจริง ๆ ก็จะใช้สัดส่วนของภาชนะ หรือถังหมักแทนได้
3. น้ำผึ้งดอกไม้ป่า ความชื้นต่ำ หรือน้ำผึ้งดอกไม้อะไรก็ได้ แต่ควรมีความชื้นต่ำ และอายุเก็บไม่เกิน 2 ปี
4. ผลไม้ 1 ชนิด ล้างทำความสะอาด หั่นเป็นชิ้นพอเหมาะ ไม่ต้องใหญ่ หรือเล็กเกินไป


วิธีการทำน้ำหมักเอนไซม์เพื่อการบริโภค 
เราจะใช้อัตราส่วนการหมักพื้นฐาน คือ
ผลไม้ 3 ส่วน น้ำผึ้งดอกไม้ป่า ความชื้นต่ำ 1 ส่วน และ น้ำดื่มสะอาด 10 ส่วน


เริ่มต้นการหมักน้ำเอนไซม์เพื่อการบริโภคด้วย 

1. ใส่ผลไม้ที่หั่นแล้วลงในถังหมัก (จะใช้ถังขนาด 15 - 20 กิโลกรัม) โดยการชั่งหรือตวงให้ได้ 3 ส่วน หรือ 3 กิโลกรัม
2. เติมน้ำผึ้งดอกไม้ป่า ความชื้นต่ำลงไป 1 ส่วน หรือ 1 กิโลกรัม
3. ใส่น้ำดื่มสะอาดลงไป 10 ส่วน หรือ 10 กิโลกรัม โดยจะเหลือพื้นที่ว่างมีอากาศอยู่ประมาณหนึ่ง
เพื่อป้องกันการเกิดแรงดัน หรือการขยายตัวของผลไม้ที่หมัก ไม่ให้ล้นออกจากถังหมักได้

จากนั้น ไม่จำเป็นต้องเขย่า หรือคนให้เข้ากัน สามารถปิดฝา แล้วตั้งทิ้งไว้ได้เลย อย่าลืม ทำป้ายติดข้างถังหมัก เขียนชื่อผลไม้ที่หมัก วันเดือนปี ที่หมัก เพื่อจะได้นับอายุการหมักได้

ทำการหมักไปเรื่อย ๆ จนครบ 3 เดือน ลองชิมน้ำหมักส่วนที่ใสดู ถ้ายังมีรสหวาน น้ำยังไม่ใส (น้ำขุ่น) ให้หมักต่อไปเรื่อย ๆ จนครบ 6 เดือน แล้วชิมอีกครั้ง หากน้ำใสแล้ว มีรสเปรี้ยว ไม่มีรสหวาน สามารถดูดส่วนน้ำใส ที่เป็น น้ำเอนไซม์ หรือเรียกว่า (Ionic Plasma) โดยการลักน้ำ หรือดูดออกด้วยสายยาง
ไม่แนะนำให้ใช้ตัก หรือเท เพราะจะทำให้น้ำเอนไซม์ที่ได้ขุ่น มีการปนเปื้อนได้ง่าย

โดยนำส่วนน้ำใส หรือน้ำเอนไซม์ที่ได้นี้ มาทำการหมักขยาย เพื่อเพิ่มปริมาณได้ ดังนี้

การหมักขยายน้ำหมักเอนไซม์เพื่อการบริโภค ใช้อัตราส่วน ดังนี้

1.  ส่วนน้ำใสหรือน้ำเอนไซม์ที่ได้ 1 ส่วน น้ำผึ้งดอกไม้ป่า ความชื้นต่ำ 1 ส่วน และ น้ำสะอาด 10 ส่วน

หรืออีกอัตราส่วนหนึ่ง คือ

2. ส่วนน้ำใส หรือน้ำเอนไซม์ 3 ส่วน น้ำผึ้งดอกไม้ป่า ความชื้นต่ำ 1 ส่วน และน้ำสะอาด 10 ส่วน

หรือ อีกอัตราส่สวนคือ

3. ส่วนน้ำใส หรือน้ำเอนไซม์ 3 ส่วน น้ำผึ้งดอกไม้ป่า ความชื้นต่ำ 1 ส่วน และน้ำสะอาด 5 ส่วน

แล้วแต่ความต้องการของผู้หมักว่าจะอยากได้เอนไซม์เพื่อการบริโภคในความเข้มข้นแบบไหน
เมื่อทำแล้ว หมักต่อไปจนครบ  6 เดือน หรือ 1 ปี ขยายต่อไปได้อีก 3 ครั้งค่ะ

หากไม่ต้องการหมักขยายเอนไซม์ในช่วงอายุน้อย ๆ แนะนำถังแม่ (ถังหมักที่มีผลไม้อยู่)
ให้หมักจนครบ 1 ปี แล้วเติมน้ำผึ้งลงไป ครึ่งส่วน (จากเดิม 1 ส่วน) แล้วหมักต่อไปอีก 1 ปี แล้วเติมน้ำผึ้งลงไปอีกครึ่งส่วน จนครบ 3 ปี แล้วตั้งทิ้งไว้โดยไม่ต้องเติมน้ำผึ้งอีก
จะให้เอนไซม์มีอายุเท่าไร 6 ปี 10 ปี 20 ปี ก็ขึ้นกับความต้องการของผู้หมัก

ส่วนกากของผลไม้ที่มีการเอาน้ำส่วนใสเอนไซม์ออกไปแล้ว

สามารถนำกากผลไม้ที่เหลือมาหมักต่อได้ โดยเติม น้ำผึ้งลงไป 1 กิโลกรัม และน้ำดื่มสะอาด 10 ส่วนลงไป หมักต่อไปอีก 1 ปี แล้วสามารถนำมาหมักขยายต่อได้ ดังอัตราส่วนข้างต้น

เมื่อหมักไปนาน ๆ จากกากของผลไม้ กลายเป็นผง สามารถกรองเอาผงตะกอกมาเก็บไว้เป็นหัวเชื้อแบบผงได้ ใช้ใส่ลงในถังหมักอื่น ๆ เพื่อเป็นหัวเชื้อ หรือจะนำมาหมัก ตามสูตร ดังนี้

กากผลไม้ที่เป็นผง (แบบเปียก) 1 ถ้วยตวง ผลไม้ 10 กิโลกรัม น้ำผึ้งดอกไม้ป่า ความชื้นต่ำ 1 กิโลกรัม และน้ำดื่มสะอาด 10 กิโลกรัม หมักจนเกิดเป็นน้ำใส แล้วนำมาขยายต่อได้

เมื่อได้น้ำหมักเอนไซม์เพื่อการบริโภค ในอายุที่เราพอใจแล้ว อยากนำมารับประทาน ห้าม หรือ ไม่แนะนำให้รับประทานจากถังหมักทันที แต่ให้นำมาทำการผสมน้ำหมักเอนไซม์สำหรับดื่มก่อน ดังนี้

การผสมน้ำหมักเอนไซม์เพื่อการบริโภคสำหรับดื่ม

น้ำหมักเอนไซม์ส่วนใส อายุที่ต้องการ 1 ส่วน น้ำผึ้งดอกไม้ป่า ความชื้นต่ำ (ความเป็นความชื้นต่ำเท่านั้น) 1 ส่วน และ น้ำสะอาด 10 ส่วน สามารถรับประทานได้ทันที หรือ หมักทิ้งไว้อย่างน้อย 3 เดือน (โดยเฉพาะกรณีที่ใช้น้ำผึ้งธรรมดาควรหมักทิ้งไว้ 3 -6 เดือน) แล้วนำมารับประทานเพื่อสุขภาพได้

ลองทำดูนะค่ะ หากมีข้อสงสัยต้องการสอบถาม หรือมีปัญหาในการหมัก สามารถสอบถามมาได้ที่ คุณตู๋ tusora@gmail.com หรือ www.facebook.com/friutenzyme ได้ค่ะ

14 พฤศจิกายน 2556

น้ำพลังเอนไซม์บำบัด ช่วยฟื้นฟูอาการเจ็บป่วยและโรคต่าง ๆ อย่างไร

น้ำพลังเอนไซม์บำบัด ช่วยฟื้นฟูอาการเจ็บป่วยและโรคต่าง ๆ อย่างไร

1. น้ำพลังเอนไซม์บำบัดช่วยในระบบการย่อยอาหาร (Digestion) และระบบดูดซึมอาหาร
- ช่วยย่อยอาหารในกระเพาะอาหาร และลำไส้
- ช่วยในการผลักดันสารอาหารเข้าสู่เซลล์

2. น้ำพลังเอนไซม์บำบัดช่วยในการกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต (Circulation) 
- ป้องกันการเกิดก้อนลิ่มเลือด (Blood Clot)
- ลดความหนืดของเลือด โดยเพิ่มการกระจายตัวของเม็ดเลือดแดงในหลอดเลือด
- ลดการจับตัวของโคเลสเตอรอลที่ผนังหลอดเลือด

3. น้ำพลังเอนไซม์บำบัดช่วยลดการอักเสบ (Inflammation) 
- ช่วยกำจัดสิ่งแปลกปลอม เช่น เชื้อโรค และของเสียในเลือด เซลล์และเนื้อเยื่อ
- ช่วยช่วยซ่อมแซมเซลล์ และเนื้อเยื่อต่าง ๆ (Cell and Tissue Repair)

ด้วยหน้าที่หลักทั้งสามข้อ ดังกล่าว น้ำพลังเอนไซม์บำบัด ช่วยฟื้นฟูอาการเจ็บป่วยและโรคต่าง ๆ ได้
ตัวอย่างเช่น
-->
โรคอ้วน คือ ภาวะที่ร่างกายมีการสะสมของไขมันมากเกินไป ซึ่งเอนไซม์จะช่วยในการย่อยไขมันและขจัดออกทางตับ

โรคอ่อนเพลีย ไม่มีแรง ถ้ารับประทานเอนไซม์เสริม เอนไซม์จะช่วยนำของเสียจากในเซลล์ออกมาทิ้งนอกเซลล์ทำให้ร่างกายสดชื่นขึ้น และช่วยผลักสารอาหารเข้าสู่เซลล์ ทำให้เซลล์มีพลังงาน ร่างกายจะสดชื่น แข็งแรงขึ้น

โรคภูมิแพ้ เกิดจากความไวต่อโปรตีนที่แปลกปลอม ถ้ารับประทานเอนไซม์เสริม เอนไซม์จะช่วยย่อยอาหารให้สมบูรณ์ขึ้น และช่วยย่อยและขจัดโปรตีนที่แปลกปลอมออกจากร่างกาย ทำให้อาการแพ้ต่าง ๆ ทุเลาลงได้

โรคเอสแอลอี SLE หรือโรคภูมิต้านทานเนื้อเยื่อตัวเอง ซึ่งเกิดจากการผิดปกติของภูมิต้านทานซึ่งจะมีผลต่อข้อต่อ เยื่อเมือก ผิวหนัง และอวัยวะภายใน การใช้เอนไซม์เสริมร่วมในการรักษาจะลดภาวะการเกิดอาการต่าง ๆ ทำให้สุขภาพดีขึ้นได้

โรคความดันโลหิตสูง เนื่องจากไขมัน และหลอดเลือดแข็ง การทานเอนไซม์เสริมจะช่วยในการย่อยคลอเลสเตอรอลในกระแสเลือด และกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ทำให้หลอดเลือดอ่อนตัว ลดภาวะความดันโลหิตอย่างเห็นผล

ดังนั้น การรับประทาน น้ำพลังเอนไซม์บำบัด เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการรักษาโรค หรือฟื้นฟู ป้องกันการเกิดโรคต่าง ๆ นั้น จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ป่วย และผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพ

สนใจติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ tusora@gmail.com หรือ www.facebook.com/friutenzyme