google.com, pub-8763358055991640, DIRECT, f08c47fec0942fa0

28 สิงหาคม 2556

ครีมเครื่องสำอางจากธรรมชาติใช้แล้วไม่แพ้จริงหรือ.....

ครีมหรือเครื่องสำอางจากธรรมชาติแท้จริงแล้ว "ใช่แล้วไม่แพ้ จริงหรือ...?????????????


รู้ไหมค่ะว่า... ข้อสงสัย.....ที่พบบ่อยที่สุด ในการเลือกใช้เครื่องสำอาง หรือครีมทาหน้า คือ .....
"ใช้แล้วจะแพ้ไหม?"
ผลิตภัณฑ์ชุดเวชสำอางสำหรับผิวแพ้ง่าย หรือผิวหน้าที่ถูกทำลายจากสารเคมี Coming Soon เร็ว ๆ นี้

ซึ่งหลังจากได้เข้าร่วมสัมมนาเรื่อง "เวชสำอาง จากสมุนไพร และสารสกัดจากธรรมชาติ" แล้วนั้น พบว่า....  เครื่องสำอางที่ผลิตจากสมุนไพร และสารสกัดจากธรรมชาติ หากผู้ผลิตคำนึงถึงความปลอดภัยอย่างแท้จริง จะไม่ใส่สารปนเปื้อนที่ อย. ห้ามใช้...เช่น สารปรอด สารไฮโดรควินิน สารสเตอรอยด์ ทั้งสิ้น  และจะไม่ใช้สารเคมีแก้แพ้ลงไปในครีมที่ผลิตอย่างแน่นอน...

จึงทำให้ เครื่องสำอาง หรือ เวชสำอาง ที่ผลิตจากสมุนไพร หรือสารสกัดจากธรรมชาติ อาจมีความเสี่ยงต่อการแพ้ได้ ตัวอย่างเช่น ในเครื่องสำอาง มีสารสกัดจากว่านหางจระเข้ ซึ่ง 1 ใน 100 คน อาจแพ้ว่านหางจระเข้ เมื่อมาใช้ ก็มีโอกาสที่จะแพ้ครีมนั้นได้ ... แต่มิได้หมายความว่า... ครีมนั้นไม่ปลอดภัย หรือเป็นอันตราย....

ดังนั้น ทางเภสัชกรทางเวชสำอาง จึงแนะนำว่า....การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เวชสำอาง หรือครีมแต่ละยี่ห้อ ที่ผลิตจากสมุนไพรหรือสารสกัดจากธรรมชาติ และไม่มีการใส่สารแก้แพ้ลงไป ควรทดสอบการแพ้ก่อนใช้ครั้งแรกทุกครั้ง โดยการทาทิ้งไว้ที่บริเวณ ท้องแขน สัก 10-20 นาที ถ้าไม่เกิดอาการแพ้ ก็โอเคค่ะ

ซึ่ง ในงานสัมมนา เภสัชกรทางพิษวิทยา ได้กล่าวไว้ว่า... คนไทยเรามีความเข้าใจในเรื่อง แพ้ ไม่แพ้ ของเครื่องสำอางอย่างไม่ถูกต้องหรือไม่เข้าใจเอาเสียเลย  พอไปใช้ครีมที่ไม่แพ้และผลลัพธ์มหัศจรรย์สุดยอดเลยเข้าใจว่าเป็นครีมที่ดี  ทั้งๆที่ครีมนั้นใส่สเตียรอยด์ซึ่งเป็นสารแก้แพ้ลงไปในครีม  (หน้าใสเร็วสุดขีด  ไม่แพ้  แต่ระยะยาวพัง! เพราะสารเหล่านั้นจะสะสมในร่างกาย ส่งผลต่อสุขภาพแน่นอนค่ะ)"

ดังนั้น ครีมที่มาจากธรรมชาติ และไม่มีสารปลอมปน จริงๆแล้วนั้น ก็ควรจะมีความเสี่ยงที่จะแพ้ในระดับหนึ่ง  (เหมือนผักที่ปลอดภัยก็ควรจะมีรอยแผลถูกกัด  ไม่ใช้สวยงดงามจนผิดธรรมชาติ)

ครีมไหนกล้ารับประกันว่าไม่แพ้แน่นอน  มีความเสี่ยงสูงที่จะเจอสเตียรอยด์เป็นส่วนผสมแน่นอนค่ะ

ดังนั้น ครีมที่ปลอดภัย และมาจากธรรมชาติ ก็ยอมมีความเสี่ยงในการแพ้ได้ เพราะฉะนั้น ควรทดสอบการแพ้ของแต่ละคนก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ ๆ นะค่ะ

ผลิตภัณฑฺ์เครื่องสำอางจากสมุนไพร และสารสกัดจากธรรมชาติ ที่ไม่มีสารแก้แพ้ และสารปนเปื้อนค่ะ....

UV White Day Cream ครีมบำรุงผิวพลังเอนไซม์สำหรับกลางวัน

Herbal Night Cream ครีมเอนไซม์ปรับสภาพผิวสำหรับกลางคืน

ครีมกันแดด Anti-Spot Sun Protection Oil-Free SPF 30 PA+++ (No Chemical Suncreeen) สูตรป้องกันฝ้า


สนใจติดต่อสั่งซื้อ หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ tusora@gmail.com ค่ะ


26 สิงหาคม 2556

Honey Nzyme Soap สบู่เอนไซม์น้ำผึ้ง

สบู่เอนไซม์น้ำผึ้ง (Honey Nzyme Soap)


เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว เป็นสบู่เอนไซม์น้ำผึ้งที่มีค่าความเป็นกรดด่างบาลานซ์ พีเอชเท่ากับ 7 อ่อนโยนต่อทุกสภาพผิว ไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง ช่วยปรับสมดุลของผิวพรรณ ทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน ลดสิวเสี้ยน สิวอักเสบ ทำให้ผิวเนียนนุ่ม ปกป้องผิว คืนความชุ่มชื้นให้แก่ผิว และลดริ้วรอยด่างดำ

เป็นสบู่เอนไซม์น้ำผึ้ง ที่ผลิตจากกลีเซอรีนเกรดเอ ผสานกับคุณค่าของน้ำผึ้งดอกไม้ป่าความชื้นต่ำ และเอนไซม์จากมะเฟือง ช่วยทำความสะอาดผิว ลดการอักเสบ ขจัดเซลล์ผิวเก่า เผยผิวใหม่ ที่เนียนนุ่ม อ่อนเยาว์ และปกป้องผิว คืนความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวแข็งแรง และเนียนนุ่ม กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของน้ำผึ้งช่วยปรับสมดุลย์ของอารมณ์ คลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ ทำให้ผ่อนคลาย

"ใช้ได้ทั้งผิวกายและผิวหน้า ไม่แต่งสี ไม่ใส่วัตถุกันเสีย จึงไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองต่อผิวหนัง"


สบู่เอนไซม์น้ำผึ้ง (Honey Nzyme Soap)
honeysoappp copy ส่วนประกอบ น้ำผึ้งดอกไม้ป่า, เอนไซม์มะเฟือง, ขมิ้นชัน และวิตามินอี

ขนาด 45 กรัม

ราคาขายปลีก 60 บาท

สนใจ ติดต่อสั่งซื้อได้ที่ คุณตู๋ tusora@hotmail.com หรือโทร 085-7100612

*สบู่ก้อนชนิดนี้ ทำด้วยมือหรือคืองาน Hand Make ดังนั้น ลวดลาย สีสรร และน้ำหนัก จึงขึ้นอยู่กับวัตถุดิบและการทำในแต่ละครั้ง*


เกร็ดความรู้
น้ำผึ้งดอกไม้ป่า ความชื้นต่ำ 18% มีคุณสมบัติเป็น
1. Humectant (สารให้ความชุ่มชื้น) ทำให้ผิวเนียนนุ่ม และมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
2. Anti-microbial (สารต้านจุลินทรีย์) ลดการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์บนผิว จึงลดการอักเสบและการเกิดสิวเสี้ยน และสิวอักเสบ
3. Anti-oxidant (สารต้านอนุมูลอิสระ) ช่วยปกป้องผิวจากการถูกทำลายของมลภาวะ แสง UV และเสริมสร้างการสร้างเซลล์ผิวใหม่
4. Acid agent (มีความเป็นกรดสูง) จึงช่วยในการทำความสะอาดผิว ขจัดเซลล์ผิวเก่า เผยผิวใหม่ และปรับค่าความเป็นกรดด่างของสบู่
เอนไซม์มะเฟือง ผลิตจากการหมักมะเฟืองกับน้ำผึ้งดอกไม้ป่า ความชื้นต่ำ เป็นเวลานานกว่า 2 ปี จึงนำสารละลายที่ได้มากรองเอาเฉพาะส่วนใส มาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตสบู่ ซึ่งเอนไซม์มะเฟือง จะอุดมไปด้วย กรดอะมิโน วิตามิน และแร่ธาตุ ช่วยในการขจัดเซลล์ผิว ส่งมอบอาหารผิว ทำให้เซลล์ผิวแข็งแรง ปรับสภาพผิวให้เนียนนุ่น ใสขึ้นอย่างอ่อนโยน


ความรู้สึกของผู้ใช้
ผู้ทดลองคนที่ 1 “กลิ่นหอมน้ำผึ้งติดผิว ครึ่งวัน หอมอ่อนๆ รู้สึกดีมาก ๆ ค่ะ”
ผู้ทดลองคนที่ 2 “ครีมฟองละเอียด นุ่มผิว ผิวไม่แห้งค่ะ และรู้สึกผ่อนคลายจากกลิ่นหอมของน้ำผึ้ง”
ผู้ทดลองคนที่ 3 “รู้สึกไปใช้จนหมดก้อน แล้วทำให้ผิวเนียนนุ่มขึ้น และมีกลิ่นหอมติดกาย สิวที่หลังก็หายไปค่ะ”
ผู้ทดลองคนที่ 4 “ผมใช้กับหน้า รู้สึกหน้านุ่ม ลดความมัน แฟนผมชอบครับ เวลามาหอมแก้ม…..”

16 สิงหาคม 2556

สรรพคุณของเอนไซม์แบ่งตามรสของผลไม้ที่หมัก

น้ำหมักพลังเอนไซม์บำบัด หรือน้ำหมักเอนไซม์ชีวภาพ เพื่อการบริโภค ผลิตจากผลไม้หมักกับน้ำผึ้งดอกไม้ป่าความชื้นต่ำ และน้ำ ในอัตราส่วนการหมักด้วยกรรมวิธีตามธรรมชาติของ ดร.รสสุคนธ์ พุ่มพันธ์วงค์ โดยจะเน้นในการหมักผลไม้แต่ละชนิดแยกกัน แล้วจึงค่อยนำน้ำหมักเอนไซม์ที่ได้มาผสมรวมกันเป็นสูตรน้ำหมักผลไม้รวม แล้วนำไปหมักขยายเพื่อการบริโภคต่อไป

น้ำหมักพลังเอนไซม์บำบัด หรือ น้ำหมักเอนไซม์ชีวภาพเพื่อการบริโภค ตามหลักจะมีอายุการหมักตามมาตรฐานของ บ้านรักษ์สุขภาพ คือ 6 ปีขึ้นไป และมีการผสมสูตรของน้ำหมักเอนไซม์จากผลไม้นานาชนิดกว่า 20 ชนิด เพื่อให้น้ำหมักพลังเอนไซม์บำบัดที่ มีคุณค่าทางวิตามิน แร่ธาตุ และเอนไซม์จากผลไม้นานาชนิดที่ครบถ้วน เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย โดย น้ำหมักพลังเอนไซม์บำบัด สูตร Multi Fruit Enzyme จะมีการผสมผสานน้ำเอนไซม์หมักจากผลไม้กว่า 20 ชนิด ที่มีรสชาดต่างๆ กัน ทำให้ได้สรรพคุณของน้ำหมักพลังเอนไซม์บำบัด ที่ครบถ้วน

ในวันนี้ บ้านรักษ์สุขภาพ จึงจะมาขอให้ความรู้เพิ่มเติม เกี่ยวกับเรื่อง รสชาด และสรรพคุณของผลไม้ตามหลักแพทย์แผนไทย เพื่อให้ท่านได้เข้าใจว่าทำไหมจึงจำเป็นต้องเลือกใช้ผลไม้นานาชนิด และที่มีรสชาดต่าง ๆ กัน เพราะรสที่ต่างกันมีสรรพคุณไม่เหมือนกัน ดังนี้

รสฝาด มีสรรพคุณ ช่วยสมาน ช่วยรักษาแผลในลำไส้ แก้ท้องร่วง พบในผลไม้เช่น เปลือกผลทับทิม เปลือกมังคุด ผลฝรั่ง ใบชา เป็นต้น

รสหวาน มีสรรพคุณ ซึมซาบไปตามเนื้อ ช่วยให้สดชื่น ชุ่มชื้น บำรุงกำลัง แก้อ่อนเพลีย เช่น น้ำผึ้ง น้ำอ้อย ดอกคำฝอย เป็นต้น

รสเปรี้ยว มีสรรพคุณ กัดเสมหะ แก้ไข้ ฟอกเลือด แก้กระหาย ทำให้ผิวพรรณสดชื่น เช่น ส้ม มะนาว มะกรูด เป็นต้น

รสขม มีสรรพคุณ ช่วยกระตุ้นความยากอาหาร แก้ร้อนใน บำรุงน้ำดีและโลหิต เช่น เถาบอระเพ็ด ดอกขี้เหล็ก เป็นต้น

รสเผ็ดร้อน มีสรรพคุณ แก้ลม จุกเสียด แน่นท้อง ช้ำบวม บำรุงธาตุ ช่วยย่อย เช่น ขิง ข่า กระชาย เป็นต้น

รสจืด มีสรรพคุณ แก้ทางปัสสาวะ แก้ไข้ ลดความร้อน ถอนพิษ เช่น รางจืด ใบตำลึง เป็นต้น

รสมัน มีสรรพคุณ แก้เส้นเอ็น บำรุงกำลัง ช่วยเพิ่มพลัง บำรุงไขข้อ เส้นเอ็น เช่น เมล็ดถั่ว งา ธัญพืช เมล็ดบัวหลวง เป็นต้น

รสหอมเย็น มีสรรพคุณ ทำให้ชื่นใจ แก้ร้อนใน กระหายน้ำ บำรุงธาตุ เช่น ดอกมะลิ จำปี จำปา บัวบก กระดังงา เป็นต้น
-->
เมื่อเราเรียนรู้เรื่องของรสชาด สำหรับใช้ในการผสมน้ำเอนไซม์ให้ได้เอนไซม์ที่มีรสชาด และสรรพคุณตามต้องการได้ แต่อย่างลืมว่า ผลไม้แต่ละชนิด อาจมีรสชาดหลายรสชาดใน 1 ส่วนของผลไม้ เช่น ผลฝรั่ง มีทั้งรสฝาด รสหวาน เป็นต้น

ตัวอย่างเช่น  เราต้องการน้ำเอนไซม์ที่ช่วยในการย่อย ขับลม แก้ท้องอืด เป็นต้น เราก็ควร เลือก น้ำเอนไซม์ที่มาจากผลไม้ ที่มีรสชาดเผ็ดร้อน เช่น น้ำเอนไซม์ขิง ผสมกับน้ำเอนไซม์กระชาย ดำ แต่รสชาดที่ได้อาจไม่อร่อย ทานไม่ได้ เราก็สามารถแต่งรสชาด โดยผสม น้ำเอนไซม์จากใบตำลึงลงไปเพื่อให้ลดเผ็ดน้อยลง และแต่งกลิ่นกับรสด้วยรสหวาน โดยเติมน้ำผึ้งก่อนรับประทาน หรือแต่งกลิ่นโดยเติม เอนไซม์ที่หมักดอกไม้เช่นดอกมะลิลงไปด้วยก็ได้

ทำให้เราได้สูตรน้ำหมักพลังเอนไซม์บำบัด เพื่อการย่อย ของตนเอง ค่ะ

14 สิงหาคม 2556

อาการปวดบอกอะไร

สัญญาณการขอความช่วยเหลือของร่างกายผ่านการทำงานของระบบประสาท บอกความรู้สึกให้เรารู้ว่าร่างกายมีของ เสียจำนวนมาก คั่งค้างอยู่ตามอวัยวะส่วนต่างๆ เกินกำลัง ของร่างกายจะกำจัดได้ และนั่นเองทำให้ระบบการทำงานของร่างกายเสียความสมดุล ซึ่งทำให้เกิดที่มา ของอาการ ปวดตามส่วนต่างๆของร่างกาย

ของเสียเหล่านั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร
โดยสภาพปกตินั้นส่วนใหญ่ที่รู้ ๆ กันก็คือ

เมื่อไหร่ที่ร่างกายเกิดอาการปวดเราจำเป็นต้องใช้ยาแก้ปวด ถึงจะได้ผล
ซึ่งในความเป็นจริงนั้น ยาแก้ปวดเป็นเพียงการช่วยในระยะสั้น เพราะขณะที่เรากินเข้าไปฤทธิ์ ของยาจะเพียงแค่กดการทำงานของระบบประสาทส่วนที่ส่งสัญญาณการปวด

เพียงแค่เพื่อบอกว่าอาการปวดหายจริงแต่สาเหตุดังกล่าวก็ยังคงอยู่ภายใน ร่างกายการใช้ยา?อย่างต่อเนื่องจะเกิดโทษต่อร่างกาย
เป็นอย่างมากในส่วนของระบบประสาท, ตับ, ไต

ซึ่งผู้ที่มีปัญหาในระบบต่าง ๆ เหล่านี้จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องระวังโดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุ

วิธีการรักษาอาการปวดที่ดีที่สุดทำอย่างไร?

สมาธิ?เป็นวิธีระงับอาการปวดที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เพราะเนื่องจาก?ขณะทำสมาธิจนจิตสงบนิ่ง ต่อมใต้สมองจะหลั่งฮอร์โมนออกมาตัวหนึ่ง นั่นคือ เอนโดฟิน

ซึ่งมีฤทธิ์บรรเทาอาการปวดที่ดีที่สุดในโลกซึ่งมีราคาถูกที่สุด ? เนื่องจากร่างกายสามารถผลิตได้เอง

เอนโดฟินจะทำให้ร่างกายเกิดสภาวะผ่อนคลาย และจะทำให้อวัยวะต่าง ๆ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพร่วมกับการบริโภคสารอาหารที่มีประโยชน์

แนะนำให้รับประทานน้ำผักปั่น ซึ่งจะช่วยชำระล้างของเสียเหล่านี้ออกให้มากที่สุด เร็วที่สุด
ขณะเดียวกันก็ฟื้นฟูการทำงานของทุกอวัยวะ

ซึ่งในทางตรงกันข้ามขณะที่ปวดถ้าท่านยิ่งเครียด ยิ่งหงุดหงิด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนอะดรีนารีน

ซึ่งจะมีผลทำให้ร่างกายปวดเพิ่มมากขึ้นซึ่งถ้าไปกินยาแก้ปวดก็เท่ากับทำร้ายตนเองเพิ่มมากขึ้น ในระยะยาว?เพราะต้นเหตุยังคงอยู่?ยิ่งอยู่นานร่างกายยิ่งเสื่อมมากขึ้น

สำหรับผู้ป่วยบางรายสำหรับกรณีที่รับประทานน้ำผักปั่น อาจจะเกิดอาการปวดขึ้นนั่นเป็น เพราะขบวนการขับของเสียซึ่งกว่าร่างกาย?จะเข้าสู่ระบบที่สมดุลจึงจำเป็นต้องใช้เวลา หากเปรียบแล้วก็เหมือนท่อน้ำซึ่งมีคราบสกปรก ต้องใช้เวลานานกว่าปกติในการล้าง