ก่อนเริ่มทำการหมักเอนไซม์เพื่อการบริโภค ควรอ่านข้อมูลเหล่านี้ก่อนนะค่ะ
1. ผลไม้ที่นำมาใช้ควรเป็นผลไม้สุกเท่านั้น
เพราะผลไม้ดิบจะทำให้เกิดเมทานอลที่เป็นอันตรายต่อร่างกายสูง (มีพิษต่อตับ ไต ตา)
2. ไม่ควรหมักทุเรียน
เพราะจะเกิดก๊าซมาก และเกิดการระเบิดได้ (การเลือกผลไม้มาหมักควรเลือกชนิดที่เรารับประทานได้ในชีวิตประจำวัน
ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้)
3. ผลไม้จำพวกมะม่วงสุก
สับปะรด มะเขือเทศ ถ้านำมาหมักจะเกิดก๊าซมาก ต้องระวังเป็นพิเศษ (ถ้าต้องการหมัก
ต้องขยันในการเปิดคลายก๊าซที่เกิดขึ้น และเลือกใช้ภาชนะที่ไม่ก่อให้เกิดอันตราย
แตก ระเบิด หรือบวมได้)
4. การหมักเอนไซม์ผลไม้สำหรับดื่ม ควรใช้น้ำผึ้ง ความชื้นต่ำ (18%) น้ำผึ้งดอกไม้ป่าความชื้นต่ำท่านั้น เพราะน้ำผึ้งมีฮอร์โมนเอสโตรเจน ที่คงความอ่อนเยาว์ให้กับผู้รับประทาน อีกทั้งยังมีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายมากกว่าน้ำตาล
5. สามารถใช้น้ำอ้อยแทนน้ำผึ้งได้
แต่ต้องเพิ่มปริมาณให้มากขึ้น อีกทั้งจะได้สารอาหารน้อยกว่าน้ำผึ้ง
แต่ไม่ควรใช้น้ำตาล เพราะจะทำให้กระบวนการหมักเกิดแอลกอฮอล์ได้มากกว่าน้ำผึ้ง
และเป็นอันตรายต่อไต โดยเฉพาะเกิดเป็นแอลกอฮอล์ชนิดเมทานอลสูง
6. ผลไม้ทุกชนิด
ควรแช่ในน้ำเอนไซม์แช่ผักไว้อย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนนำมาหมัก
โดยใช้อัตราส่วนน้ำเอนไซม์แช่ผัก 1 ฝา ผสมกับน้ำสะอาด 3
ลิตร แช่ผลไม้ทิ้งไว้ 1 ชั่วโมงก่อนนำมาใช้ เพื่อสลายสารเคมี
ยาฆ่าแมลง และลดการปนเปื้อนที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
7. สูตรในการหมักคือ ผลไม้ 3 ส่วน น้ำผึ้งความชื้นต่ำ 1 ส่วน และน้ำดื่มสะอาด 10 ส่วน เป็นอัตราส่วนการหมักที่ดี ส่งผลให้เกิดการดึงเอาสารอาหาร และเอนไซม์ออกมากจากผลไม้ได้ดีที่สุด (ผลจากการทดลอง) และทำให้ได้โมเลกุลของเอนไซม์ และกรออะมิโน ที่ร่างกายดูดซึมได้ดีที่สุด
9. การดื่มน้ำเอนไซม์ที่หมักจากผลไม้ แนะนำไม่ควรดื่มจากถังหมักแรก (ถังแม่โดยตรง) ควรนำมาหมักขยายกับน้ำและน้ำผึ้งอีกครั้ง เพื่อลดเพิ่มคุณค่าของสารอาหารและลดการปนเปื้อนของจุลินทรีย์ที่อาจปะปนมาจากผลไม้ในถังแม่ โดยการดูดเอาน้ำเอนไซม์ที่อายุอย่างต่ำ 1 ปี จากถังแม่ 3 ส่วน น้ำผึ้งความชื้นต่ำ 1 ส่วน และน้ำดื่มสะอาด 10 ส่วน หมักอย่างน้อย 3 เดือน จึงเริ่มรับประทาน
10. การเกิดยีสต์หรือราบนหน้าผิวน้ำหมักเอนไซม์จากผลไม้ ไม่อันตราย สามารถตัดทิ้งเพื่อลดการปนเปื้อน หรือทิ้งไว้แล้วเติมน้ำผึ้งลงไปเพิ่ม ให้เกิดการหมักต่อไป (ซึ่งจะใช้เวลาในการย่อยสลายเชื้อยีสต์และราเหล่านั้นนานขึ้น) แต่จะได้ผลิตภัณฑ์สารอาหารเช่น วิตามินต่าง ๆ และแร่ธาตุต่าง ๆ จากเชื้อราเพิ่มขึ้นค่ะ
สนใจมาพูดคุยเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/friutenzyme หรือ tusora@gmail.com ค่ะ